ทุเรียน

หมวดหมู่:

รายละเอียดเพิ่มเติม

ดินสภาพอากาศที่เหมาะสมต่อการปลูกทุเรียน

ควรเป็นดินที่สามารถระบายน้ำได้ดี ได้แก่ ดินร่วน ดินร่วนปนทราย หรือดินเหนียวปนทราย มีหน้าดินลึกไม่น้อยกว่า 50 ซม. ทุเรียนเป็นพืชที่รากหากินไม่ลึกมาก ประมาณ 30-50 ซม ระดับน้ำใต้ดินควรมากกว่า 75 ซม. ระดับน้ำที่ตื้นเกินไป จะทำให้ระบบรากทุเรียนเสียงต่อการเป็นโรครากเน่าโคนเน่า

การปลูกทุเรียนในดินทรายแนะนำให้นำหน้าดินจากแหล่งอื่นมาผสมร่วมด้วยและควรใส่ปุ๋ยคอกร่วมด้วย

ค่าความเป็นกรดด่างดินที่เหมาะสม คือ 5.5-6.5

แหล่งน้ำ ทุเรียนใช้น้ำประมาณ 600-800 ลูกบาศก์เมตร/ไร่ ค่าความเป็นกรด-ด่างของน้ำที่เหมาะสมควรอยู่ระหว่าง 6.0-7.5

เคล็ดลับการลดต้นทุน
การปลูกทุเรียนในสภาพพื้นที่และอากาศเหมาะสม ต้นเจริญเติบโตดีช่วยลดต้นทุนการใช้ปัจจัยการผลิต

ขั่นตอนการปลูกทุเรียน

การเตรียมพื้นที่ปลูก
พื้นที่ดอน ไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมขัง ให้ไถพรวน ปรับพื้นที่ให้เรียบ เพื่อความสะดวกในการจัดการระบบน้ำ การทำร่องระบายน้ำ และทำทางเพื่อความสะดวกในการขนย้ายผลผลิต สำหรับการปลูกทุเรียนในพื้นที่ดอนไม่จำเป็นต้องยกโคก

พื้นที่ลุ่ม ควรยกโคกและปลูกด้านบน เพื่อป้องกันน้ำขังโคน ควรยกร่องสวนให้มีขนาดสันร่องกว้างไม่น้อยกว่า 6 เมตร ร่องน้ำกว้าง 1.5 เมตร ลึก 1 เมตร มีระบบระบายน้ำเข้า-ออกเป็นอย่างดี

การดูแลบำรุงรักษา

การใส่ปุ๋ย

แมลง&ไร ศัตรูที่สำคัญในทุเรียน

หนอนเจาะเมล็ดทุเรียน
หนอนเจาะเมล็ดทุเรียน

หนอนชนิดนี้เมื่อเข้าทำลายผลทุเรียนจะไม่สามารถสังเกตจากลักษณะภายนอกได้ หนอนเจาะเข้าไปในผลทุเรียนถ่ายมูลออกมาปะปนอยู่กับเนื้อทุเรียนทำให้เนื้อทุเรียนเสียคุณภาพ จนกระทั่งเมื่อหนอนโตเต็มที่พร้อมเข้าดักแด้ จะเจาะเปลือกเป็นรูออกมาและทิ้งตัวลงบนพื้นดินเพื่อเข้าดักแด้ในดิน และมักพบความเสียหายหลังจากเก็บเกี่ยวผลผลิตเรียบร้อยแล้วหนอนเจาะออกมา

การติดตามและเฝ้าระวัง

ช่วงทุเรียนติดผลให้พยามสำรวจสังเกตุตัวเต็มวัยของหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนในกับดักแสงไฟ (black light)
ทุก 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยเฉพาะหลังฝนตกหนักตรวจดูทุกวัน

5 วิธีการป้องกันและกำจัดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน

วิธีป้องกันกำจัดหนอนเจาะเมล็ดทุเรียน
  1. ไม่ควรนำเมล็ดทุเรียนจากที่อื่นเข้ามาในแหล่งปลูก
    .
    ถ้ามีความจำเป็นควรทำการคัดเลือกเมล็ดอย่างระมัดระวัง หรือแช่เมล็ดด้วยสารฆ่าแมลง เช่น มาลาไทออน (malathion) 83% EC อัตรา40 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ คาร์บาริล (carbaryl) 85% WP อัตรา 50 กรัม ต่อน้ำ 20 ลิตร ก่อนทำการขนย้ายจะช่วยกำจัดหนอนได้
    .
  2. การห่อผลทุเรียน
    .ถุงกันแมลงใช้ห่อผลทุเรียน
    โดยเริ่มห่อผลตั้งแต่ทุเรียนมีอายุ 6 สัปดาห์เป็นต้นไป จนถึงเก็บเกี่ยว โดยจใช้ถุงพลาสติกสีขาวขุ่นขนาด 40 x 75 เซนติเมตร เจาะก้นถุงเพื่อระบายน้ำสามารถป้องกันไม่ให้ตัวเต็มวัยมาวางไข่ได้ ก่อนห่อตรวจสอบผลทุเรียนที่จะห่อให้ปราศจากการทำลายของหนอนเจาะผลและเพลี้ยแป้ง ถ้ามีให้กำจัดโดยการเขี่ยหรือใช้แปรงปัดออก แล้วพ่นด้วยสารฆ่าแมลง คลอร์ไพริฟอส (chlorpyrifos) อัตรา 15 มิลลิลิตร ต่อน้ำ20 ลิตร
    .
  3. การป้องกันกำจัดด้วยวิธีผสมผสาน โดยการพ่นสารฆ่าแมลงและห่อด้วยถุงพลาสติก

    เมื่อผลอายุ 6 สัปดาห์ให้เริ่มพ่นสารฆ่าแมลงต่อไปนี้
    -> แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน (lambda-cyhalothrin) 2.5% CS อัตรา 20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
    -> คาร์บาริล (carbaryl) 85% WPอัตรา 50 กรัม ต่อน้ำ20 ลิตร
    ทำการฉีดพ่นห่างกันครั้งละ 1 สัปดาห์

    *เลือกใช้ตัวใหนก็ได้

    เมื่อผลอายุ 10 สัปดาห์ ห่อด้วยถุงพลาสติกขาวขุ่น ขนาด 40 x 75 เซนติเมตร เจาะก้นถุงเพื่อระบายน้ำ โดยการเลือกห่อเฉพาะผลที่มีขนาดและรูปทรงได้มาตรฐาน

    ก่อนห่อผลควรมีการสำรวจเพลี้ยแป้ง ถ้าพบเพลี้ยแป้งระบาดควรพ่นสารคลอร์ไพริฟอส (chlorpyrifos) อัตรา 15 มิลลิลิตร ต่อน้ำ20 ลิตร
    .
  4. การใช้กับดักแสงไฟโดยใช้หลอด black light
    .
    เพื่อล่อตัวเต็มวัยหนอนเจาะเมล็ดทุเรียนมาทำลายสามารถช่วยลดการระบาดของแมลงชนิดนี้ลงได้มากเนื่องจากตัวเต็มวัยแต่ละตัวมีไข่ประมาณ 100 – 200 ฟองและกับดักแสงไฟยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือตรวจการระบาดของแมลงชนิดนี้ได้ เพื่อให้ทราบว่ามีแมลงระบาดในช่วงไหน ควรใช้สารฆ่าแมลง (ถ้าจำเป็น) มีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถลดจำนวนการพ่นสารฆ่าแมลงอย่างที่เกษตรกรปฏิบัติอยู่ตั้งแต่ทุเรียนเริ่มออกดอก
    .
  5. การป้องกันกำจัดโดยใช้สารฆ่าแมลง เมื่อพบว่าตัวเต็มวัยเริ่มระบาดให้ใช้สารกำจัดแมลงดังต่อไปนี้
    .
    -> สารกำจัดแมลง คาร์บาริล (carbaryl) 85% WP อัตรา 50 มิลลิลิตร ต่อน้ำ20 ลิตร
    -> สารกำจัดแมลง เดลทาเมทริน (deltamethrin) 3% EC อัตรา 15 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
    -> แลมบ์ดา-ไซฮาโลทริน (lambda-cyhalothrin) 2.5% CS อัตรา 20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
    -> เบตา-ไซฟลูทริน (beta-cyfluthrin) 2.5% EC อัตรา 20 มิลลิลิตร ต่อน้ำ 20 ลิตร
    ฉีดพ่นทุก 7 วันครั้ง เริ่มเมื่อผลทุเรียนอายุ 6 สัปดาห์

    ***สารฆ่าแมลงสามารถเลือกใช้ตัวใหนก็ได้
Accordion title 2

This is a placeholder tab content. It is important to have the necessary information in the block, but at this stage, it is just a placeholder to help you visualise how the content is displayed. Feel free to edit this with your actual content.

โรคที่สำคัญ คือ โรคจากเชื้อราไฟทอปธอร่าเข้าทำลาย ดอก ใบ ลำต้น และราก โรคแอนแทรคโนสเข้าทำลายดอก โรคผลเน่า

การเก็บเกี่ยวผลผลิต

FAQs คำถามเกี่ยวกับการใส่ปุ๋ยทุเรียน 

ทุเรียนปลูกใหม่อายุ 1- 6 เดือนใส่ปุ๋ยอะไรดี

1-3 เดือนแรกควรใส่ปุ๋ยคอกผ่านการย่อยดีแล้ว หรือปุ๋ยคอกหมัก , ปุ๋ยหมัก ,และปุ๋ยอินทรีย์ต่างๆ

3- 6 เริ่มให้ปุ๋ยอินทรีย์เคมีได้ และหลัง 6 เดือนขึ้นไปควรใส่ปุ๋ยเคมีอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง

ทุเรียนปลูกใหม่เริ่มให้ปุ๋ยได้เมื่อไหร่

หลังปลูก 2 สัปดาห์ ถ้าต้นทุเรียนไม่มีอาการเหี่ยวเฉา เริ่มให้ปุ๋ยทางใบได้ และเมื่อทุเรียนเริ่มแตกยอดใหม่ จึงเริ่มให้ปุ๋ยทางดิน การที่ทุเรียนแตกยอดใหม่ แสดงว่าระบบรากทุเรียนพร้อมกินอาหาร

ปุ๋ยทางใบทุเรียนปลูกใหม่

ปุ๋ยทางใบทุเรียนอายุ 1- 3 เดือนแรก : ควรเป็นปุ๋ยอินทรีย์น้ำ หรือ น้ำหมักชีวภาพ โดยเฉพาะปุ๋ยน้ำที่สกัดจากปลาทะเลจะช่วยให้ทุเรียนปลูกใหม่หรือทุเรียนเล็กตั้งตัวได้ไว แร่ธาตุที่ได้จากปลาทะเลจะช่วยให้ระบบรากของทุเรียนพัฒนาได้รวดเร็ว มีรากเยอะ ทำให้ทุเรียนแตกยอดดี

อัตราการใส่ปุ๋ย เคมี,อินทรีย์,ปุ๋ยคอก,ปุ๋ยหมัก,ทางดิน ทุกช่วงของการเจริญเติบโต
ทุเรียน 1-8 เดือน

อัตราการใส่ปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยหมัก : 5 กิโลกรัม/ต้น ,ใส่เดือนเว้นเดือนหรือแบ่งใส่ทุกเดือนๆละ 2.5 กิโลกรัม (1 บุ้งกี๋=2.5 กิโลกรัม

อัตราการใส่ปุ๋ยเคมี : ในช่วง 1-6 เดือนแรกยังไม่จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเคมี ถ้ามีความจำเป็นต้องใส่เพราะดินขาดความสมบูรณ์ ให้ใส่ ต้นละ 20- 30 เม็ด (ประมาณ 1 ช้อนชา)

วิธีใส่ : ใส่ห่างจากโคนต้น 20- 30 เซ็นติเมตร โดยให้หว่านปุ๋ยคอกก่อน แล้วหว่านปุ๋ยเคมีตาม หลังให้ปุ๋ยต้องขึ้นน้ำตามทุกครั้ง

ทุเรียน 8 เดือน -1 ปี

อัตราการใส่ปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยหมัก : 5 กิโลกรัม/ต้น ,ใส่เดือนเว้นเดือนหรือแบ่งใส่ทุกเดือนๆละ 2.5 กิโลกรัม (1 บุ้งกี๋=2.5 กิโลกรัม

อัตราการใส่ปุ๋ยเคมี : ทุเรียน 8 เดือนขึ้นไป ควรใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 16-16-16 หรือ 15-15-15 ต้นละ 50-100กรัมเดือนละครั้ง เพื่อสร้างการเติบโตทางโครงสร้างของต้นทุเรียน โดยเฉพาะลำต้นและกิ่ง

วิธีใส่ : ใส่ห่างจากโคนต้น 20- 30 เซ็นติเมตร โดยให้หว่านปุ๋ยคอกก่อน แล้วหว่านปุ๋ยเคมีตาม หลังให้ปุ๋ยต้องให้น้ำตามทุกครั้ง

ทุเรียน 1-4 ปี

อัตราการใส่ปุ๋ย ใส่ตามขนาดรัศมีทรงพุ่ม โดยวัดจากโคนต้นถึงชายพุ่ม (เมตร) ใส่ 2 ครั้ง/ปี ครั้งที่ 1 ต้นฝน ครั้งที่ 2 ปลายฝน

รัศมีทรงพุ่ม
วัดจากโคนถึงชายทรงพุ่ม
ปุ๋ยคอก/ปุ๋ยหมัก
ใส่ 2 ครั้ง/ปี
ปุ๋ยเคมี
ใส่2ครั้ง/ปี
1 เมตร5 กก./ต้น 1 กิโลกรัม/ต้น
2 เมตร10 กก./ต้น2 กิโลกรัม/ต้น
3 เมตร15 กก./ต้น3 กิโลกรัม/ต้น
4 เมตร20 กก./ต้น4 กิโลกรัม/ต้น
5 เมตร25 กก./ต้น5 กิโลกรัม/ต้น
6 เมตร30 กก./ต้น6 กิโลกรัม/ต้น

ในปัจจุบันการทำสวนทุเรียนเป็นเชิงพานิชย์มากขึ้นมีการจัดการที่ดีขึ้น มีระบบน้ำ มีแหล่งน้ำ มิได้อาศัยน้ำฝนจากฤดูการเพียงอย่างเดียว

ดังนั้นการใส่ปุ๋ยไม่จำเป็นต้องใส่เพียงปีละ 2 ครั้ง คือช่วงต้นฝนและปลายฝนเหมือนในอดีต เมื่อมีระบบน้ำและแหล่งน้ำพร้อม เราสามารถเพิ่มความถี่รอบการใส่ปุ๋ยได้ โดยแบ่งใส่ทุก 15 วัน หรือ ใส่เดือนละครั้ง

ข้อดีของการใส่ปุ๋ยบ่อยๆหรือแบ่งใส่ครั้งละน้อยๆ ช่วยให้ทุเรียนได้รับธาตุอาหารอย่างสม่ำเสมอ ลดการสูญเสียปุ๋ย เช่นแสงแดดทำให้ปุ๋ยระเหิดไปในอากาศ , ไหลไปกับน้ำสู่แม่น้ำลำคลอง , หรือซึมลงดินลึกเกินกว่าที่รากไปถึง

ดังนั้น วิธีใส่ปุ๋ยครั้งละน้อยๆ แต่เพิ่มรอบความถี่การใส่ จึงเป็นบริหารจัดการปุ๋ยให้เกิดประโยชน์ต่อทุเรียนมากที่สุด

วิธีใส่ปุ๋ย ระยะฟื้นต้นหลังเก็บเกี่ยวผลผลิต

This is a placeholder tab content. It is important to have the necessary information in the block, but at this stage, it is just a placeholder to help you visualise how the content is displayed. Feel free to edit this with your actual content.

FAQs คำถามเกี่ยวโรคสำคัญในทุเรียน

วิธีและทางเลือกในการกำจัดและป้องกัน โรครากเน่าโคนเน่าในทุเรียน
  • การป้องกันใช้สารชีวภัณฑ์ (เป็นสารชีวภาพมีความปลอดภัยไม่เป็นพิษ) เช่นเชื้อราไตรโคเดอร์มา หรือ เชื้อแบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทิลิส ฉีดพ่นลงดินและทรงพุ่ม เดือนละ 1-2 ครั้ง
  • ในกรณีเป็นโรคแล้วแต่อาการไม่รุนแรง ใช้ เชื้อราไตรโคเดอร์มา Trichoderma หรือ แบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทิลิส (Bacillus subtilis) ฉีดพ่นลงดินและทรงพุ่ม 4-5 วันครั้ง ติดต่อกัน 4-5 ครั้ง และเมื่อการระบาดโรคลดลง ให้ฉีดพ่นเดือนละ 1 -2 ครั้งเพื่อควบคุมเชื้อราก่อโรคในดิน
  • ใช้สารเคมี : ในกรณีอาการของโรครุนแรงและมีการระบาดมากให้ใช้สารเคมี เช่น เมทาแลกซิล 25 wp (Metalaxyl) , ฟอสอีทิล-อะลูมิเนียม (fosetyl-aluminium) 80% WG , เทอร์ราคลอร์ ซุปเปอร์-เอ็กซ์ (Terraclor Super-X) ตัวนี้เป็น 2 in 1 คือประกอบด้วยยาฆ่าเชื้อราก่อโรค 2 ชนิด ได้แก่ ควินโตซีน (quintozene) + อีไตรไดอะโซล (etridiazole) กำจัดเชื้อราก่อโรคได้อย่างเฉียบพลัน ซื้อเทอร์ราคลอร์ ซุปเปอร์-เอ็กซ์ ราคาส่ง

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสารและยากำจัดเชื้อราที่ชาวสวนทุเรียนควรรู้

อาการที่บอกว่าทุเรียนเป็นโรครากเน่าโคนเน่า

ทุเรียนที่เริ่มเป็นโรครากเน่าโคนเน่าจะแสดงอาการดังนี้

  • ใบเหลือง ของใบไหม้ ต้นโทรม
  • ใบที่เหลืองจะค่อยร่วง
  • ยอดแห้ง
อาการทุเรียนรากเน่า
สารชีวภัณฑ์ (เช่น ไตรโคเดอร์มา) VS สารเคมี กำจัดโรครากเน่าโคนเน่าเลือกอะไรดี

ป้องกัน : ใช้ราไตรโคเดอร์มา หรือ แบคทีเรีย บาซิลลัส เหมาะสำหรับใช้เพื่อป้องกัน หรือ ใช้ในกรณีเกิดการระบาดของโรครากเน่าโคนเน่าไม่รุนแรง

เริ่มเป็น : อาการเพิ่มเริ่มต้น การระบาดไม่รุนแรง ใช้ เชื้อราไตรโคเดอรมา หรือแบคทีเรีย บาซิลลัส ซับทีลิส ฉีดพ่นลงดินทุกๆ 3-4 วันครั้งประมาณ 4 -5 ครั้งถ้าหยุดการระบาดของโรคได้แล้ว ใช้ไตรโคเดอร์มาทางดิน 1-2 เดือนครั้งจะช่วยควบคุมปริมาณเชื้อราก่อโรคในดิน

เป็นโรคแล้ว : อาการหนัก มีการระบาดรุนแรง ใช้สารเคมีเพื่อกำจัดเชื้อราก่อโรคแบบเฉียบพลัน 2-3 ครั้งเพื่อหยุดการระบาด หลังจากนั้นใช้ ไตรโคเดอร์มาทุก 15 วันครั้ง หรือ เดือนละ 1 ครั้งเพื่อควบคุมเชื้อก่อโรคในดินไม่ให้มีมากเกินไป จนก่อให้เกิดโรคได้

สารป้องโรครากเน่า กัญชา