ในการเลือก Biostimulants ให้เหมาะกับพืชแต่ละชนิด สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเข้าใจความต้องการพื้นฐานและระยะการเจริญเติบโตของพืช กรณีของ Fish hydrolysate ซึ่งเป็น Biostimulants ที่มีกรดอะมิโนและฮอร์โมนพืชธรรมชาติเป็นองค์ประกอบหลัก จะมีประสิทธิภาพสูงในพืชผักที่ต้องการการเจริญเติบโตเร็วและต่อเนื่อง โดยใช้ความเข้มข้นต่ำ (1:500) เพื่อป้องกันการสะสมไนโตรเจนมากเกินไป ขณะที่ไม้ผลและพืชไร่สามารถใช้ความเข้มข้นสูงขึ้น (1:200-1:100) เนื่องจากมีระบบรากที่แข็งแรงกว่าและต้องการธาตุอาหารในปริมาณมาก
การเลือกใช้ควรพิจารณาร่วมกับระบบการผลิตและสภาพแวดล้อม เช่น ในระบบเกษตรอินทรีย์ Fish hydrolysate จะเป็นทางเลือกที่ดีเพราะเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 100% ส่วนในพื้นที่ที่มีความเค็มหรือแห้งแล้ง การใช้ความเข้มข้นที่สูงขึ้นจะช่วยเพิ่มความทนทานให้พืชผ่านกลไกการสร้างสารออสโมโพรเทคแทนต์ (osmoprotectant) จากกรดอะมิโนที่พืชได้รับ ทั้งนี้ควรเริ่มจากความเข้มข้นต่ำก่อนแล้วค่อยๆ ปรับเพิ่มตามการตอบสนองของพืช
🌱 คู่มือการใช้ Fish Hydrolysate ตามระยะการเจริญเติบโต
แนวทางการใช้งานเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในทุกระยะการเติบโต
- ⚖️
อัตราเจือจาง 1:500 20 มล./น้ำ 10 ลิตร
- 💧 ให้ทางรากเพื่อกระตุ้นการแตกราก
- 🧬 เน้นกลไกการทำงานของกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการสร้างราก
- ⚖️
อัตราเจือจาง 1:300 30 มล./น้ำ 10 ลิตร
- 🌧️ ฉีดพ่นทางใบทุก 7-10 วัน
- 🍃 เน้นการกระตุ้นการสังเคราะห์คลอโรฟิลล์และการสร้างใบ
- ⚖️
อัตราเจือจาง 1:200 50 มล./น้ำ 10 ลิตร
- 🌧️ ฉีดพ่นทางใบร่วมกับให้ทางราก
- 🌺 เพิ่มการสร้างดอกและการติดผล
- 📈 ใช้อัตราเข้มข้นขึ้น 1:200
- 🔄 เพิ่มความถี่เป็นทุก 5-7 วัน
- 🌿 ผสมกับฮอร์โมนพืชธรรมชาติ
- 🔄 ใช้ร่วมกับปุ๋ยทางใบ
- 🌱 เน้นการให้ทางราก
- 📈 เพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมธาตุอาหาร
- ⚖️ เพิ่มความเข้มข้นเป็น 1:100
- 🔄 ฉีดพ่นติดต่อกัน 3 ครั้งทุก 3-5 วัน
- 🛡️ เสริมภูมิต้านทานธรรมชาติ
- ⚖️ ใช้ความเข้มข้นต่ำ 1:500-1:300
- ⏱️ ให้ทุก 5-7 วัน
- ✨ เน้นคุณภาพและความปลอดภัย
- ⚖️ ใช้ความเข้มข้นปานกลาง 1:300-1:200
- ⏱️ ให้ทุก 15-20 วัน
- 🌺 เน้นการออกดอกติดผล
- ⚖️ ใช้ความเข้มข้นสูง 1:200-1:100
- 🔄 ให้ 3-4 ครั้งต่อรอบการผลิต
- 📈 เน้นผลผลิตและความแข็งแรง
🌱 ปรึกษาปัญหาการเพาะปลูกฟรี
ทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำเพื่อความสำเร็จของคุณ