เมธาไรเซียม เชื้อรากำจัดแมลง
เชื้อราเมธาไรเซียม จุลินทรีย์กำจัดแมลงศัตรูพืช
เมตาไรเซียม คือ :
เชื้อราชนิดหนึ่งอาศัยอยู่ในดิน เชื้อราเมธาไรเซียม แอนนิโซพลิอี (Metarhizium anisopliae) สามารถทำให้แมลงหลายชนิดเป็นโรคตาย โดยเฉพาะแมลงกลุ่มที่อาศัยอยู่ในดิน เช่นแมลงกลุ่มด้วง ด้วงแรด ด้วงกินราก และเชื้อราเมธาไรเซียมยังสามารถทำลายแมลงชนิดอื่นได้ดีเช่นกัน เช่น แมลงในกลุ่มด้วงแรดมะพร้าว หนอนเจาะลำต้นอ้อย หนอนด้วงหนวดยาว ตั๊กแตน เพลี้ยจั๊กจั่น เพลี้ยกระโดด ปลวก โดยเชื้อราเมธาไรเซียม สามารถทำลายแมลงได้ทุกช่วงวัย ทั้งตัวอ่อน ตัวเต็มวัย รวมถึงกำจัดดักแด้หนอนที่อยู่ในดินด้วย
เชื้อราเมธาไรเซียม มีลักษณะ รูปทรงกระบอก เส้นใยสีเขียวสปอร์ยาวรีคล้ายเมล็ดข้าว เมื่อสปอร์ของเมธาไรเซียมเริ่มงอกใหม่จะมองเห็นเป็นสีขาว หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวหม่นในเวลาต่อมา เชื้อราเมธาไรเซียมสามารถมีชีวิตอยู่ในดินนานกว่า 1 ปี
เมธาไรเซียม ทำลายแมลงศัตรูพืชได้อย่างไร
เชื้อราเมธาไรเซียม จะทำลายแมลงได้สปอร์ของเชื้อต้องสัมผัสกับผนังลำตัวของแมลง ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับการงอกของสปอร์ทั้งอุณภูมิและความชื้น เมื่อสปอร์งอกเส้นใยจะแทงทะลุผนังของแมลง และเจริญขยายเส้นใยจนเต็มในท้องของแมลง และอาศัยแมลงเป็นอาหาร โดยจะทำลายเนื้อเยื่อและอวัยวะภายใน ทำให้แมลงศัตรูพืชตาย ในลัษณะแข็ง
ที่เรียกว่า “มัมมี่”
เมธาไรเซียม ขยายพันธุ์ต่อไปได้เรื่อยๆ
หลังจากแมลงที่ถูกเชื้อราเมธาไรเซียมเข้าทำลายจนตาย เชื้อราที่อยู่ในตัวแมลงสามารถขยายพันธุ์เจริญสร้างเส้นใยต่อไปได้ เมื่อได้รับความชื้นและอุณภูมิที่เหมาะสม โดยเชื้อราเมธาไรเซียม สามารถมีชีวิตอยู่ในดินได้นานมากกว่า 1 ปี
เชื้อราเมธาไรเซียม สำเร็จรูป Meta Bio
Meta Bio คือเชื้อเมธาไรเซียม ในรูปผงสปอร์แห้ง เป็นเชื้อสำเร็จรูปผสมน้ำใช้ฉีดพ่นหรือราดได้ทันที ผสมสารพาที่ช่วยยืดอายุของเชื้อให้มีอัตราการงอกสูง เก็บได้ในอุณภูมิห้อง ได้นานมากกว่า 6 เดือน เก็บในตู้เย็นที่อุณภูมิ 4 องศาสามารถเก็บได้นาน 1 ปี
ทำไมต้อง Metar-Bio เชื้อราเมธาไรเซียมสำเร็จรูป
- ใช้หัวเชื้อเมธาไรเซียมบริสุทธิ์จากแหล่งที่เชือถือได้
- ขยายเชื้อด้วยอาหารสูตรพิเศษที่ให้ปริมาณเชื้อจำนวนมาก
- เสริมประสิทธิภาพ ยืดอายุเชื้อ ปกป้องสปอร์ ด้วยสารเสริมประสิทธิภาพอย่างดี
เชื้อราเมธาไรเซียม กำจัดแมลงศัตรูพืชได้หลายชนิด
- แมลงในกลุ่มด้วง ได้แก่ ด้วงแรด ด้วงกินราก
- หนอนด้วงแรดมะพร้าว
- หนอนด้วงหนวดยาว
- หนอนเจาะลำต้นอ้อย
- ตั๊กแตน
- เพลี้ยกระโดด
- เพลี้ยจั๊กจั่น
- ปลวก
วิธีใช้เชื้อราเมธาไรเซียมกำจัดแมลงศัตรูพืช
เชื้อราเมธาไรเซียมเป็นจุลินทรีย์มีชีวิต และจะกำจัดแมลงศัตรูพืชได้เชื้อต้องงอกเจริญเติบโต ขยายพันธุ์ ดังนั้นความสมบูรณ์ของเชื้อ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการใช้เชื้อรา เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ การใช้เชื้อราเมธาไรเซียมได้ผลลัพธ์หรือไม่
การใช้เมธาไรเซียมกำจัดแมลงแต่ละชนิด
ใช้กำจัดแมลงในดิน เช่นด้วงแรดมะพร้าว ด้วงแรดมะพร้าวชอบวางไข่ตามกองปุ๋ยคอก กองมูลสัตว์ต่างๆ กองปุ๋ยหมัก และเศษซากพืชในสวนมะพร้าวและปาล์มน้ำมัน ให้ใช้วิธีทำกองปุ่ยหมักล่อให้ด้วงแรดมาวางไข่ ดังนี้
- เตรียมกองปุ๋ยหมักขนาด 2x2x0.5 เมตร ปล่อยทิ้งไว้จนวัสดุในกองปุ๋ยย่อยสลาย
- โรยเชื้อเมธาไรเซียมลงในกองปุ๋ยหมักให้ทั่ว ลึกจากผิวหน้าประมาณ 15 เซ็นติเมตร ในอัตราเชื้อรา 1 กิโลกรัม ต่อปุ๋ยหมัก 1 กอง และ จำนวนกองปุ๋ยหมัก 1กองต่อแปลงปลูก 2 ไร่
- รดน้ำเพื่อเพิ่มความชื้นให้กับกองปุ๋ยหมัก และรักษาความชื้นโดยเอาทางมะพร้าวมาปิดทับบนกองปุ๋ย ความชื้นช่วยให้เชื้อราเจริญขยายพันธุ์เพิ่มปริมาณได้อย่างรวดเร็ว เชื้อราสามารถกำจัดด้วงแรดได้นาน 6-12 เดือน
ใช้กำจัดแมลงที่อยู่เหนือดินหรือบนต้น เช่น ตั๊กแตน เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เป็นต้น
- ในกรณีใช้เชื้อราที่ขยายพันธุ์บนเมล็ดข้าว ให้นำเชื้อ 1 ถุง (ประมาณ 200-250 กรัม) มาผสมน้ำแล้วกรองเอาแต่น้ำเชื้อ แล้วเติมน้ำลงไปอีกให้ได้ 20 ลิตร ใส่ถังฉีดพ่นในช่วงบ่ายถึงเย็น
- ใช้เชื้อราเมธาไรเซียมสำเร็จรูปในผงสปอร์แห้ง ให้น้ำผงเชื้อ 20-40 กรัม ผสมน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่น
- สำรวจจำนวนแมลงศัตรูพืช ต่อ ศัตรูธรรมชาติ หากมีแมลงศัตรูพืชมากกว่า 5 ตัวต่อ แมลงศัตรูธรรมชาติ 1 ตัว ให้ทำการฉีดพ่นเชื้อรา แต่ถ้าน้อยกว่านี้ไม่ควรฉีดพ่น
- สำรวจแปลงหลังฉีดพ่นเชื้อรา 3 วัน 7 วัน ดูว่าแมลงศัตรูพืชถูกทำลายด้วยเชื้อราหรือไม่ แมลงที่ถูกทำลายจะอยู่นิ่งๆ
- ถ้าพบว่าแมลงศัตรูพืชไม่ตาย ให้ฉีดพ่นเชื้อราซ้ำอีก และสำรวจแปลงหลังฉีดพ่น 3 วัน ถ้าแนวโน้มกระระบาดของแมลงยังไม่ลดลง ให้ฉีดพ่นซ้ำ แต่ถ้าพบว่าแมลงศัตรูพืชตาย และมีแนวโน้มการระบาดลดลง ให้หยุดฉีดพ่น
5step เพิ่มประสิทธิภาพการใช้สารชีวภัณฑ์
- ให้ผสมน้ำกับสารชีวภัณฑ์ในปริมาณน้อยๆแล้วคนให้เข้ากันก่อน จากนั้นจึงเติมน้ำเพิ่มให้ได้ตามอัตราแนะนำ
- เติมสารจับใบทุกครั้งที่ฉีดพ่นไปที่พืช ในกรณีใช้เชื้อสด หรือเชื้อราสำเร็จรูปที่ไม่ได้ระบุว่าเติมสารจับใบแล้ว
- ไม่รดน้ำหลังฉีดพ่นเชื้อรา อย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้เชื้อติดบนพืชได้ดี
- ปรับหัวฉีดให้ได้ละอองขนาดเล็กสุด และฉีดพ่นให้โดนทุกส่วนของพืช
- ฉีดพ่นเชื้อราในช่วงบ่ายถึงเย็นเท่านั้น